ผมคิดว่าคนเราน่าจะมีความสุขถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบ และคงจะมีความสุขมากขึ้นถ้าสิ่งที่ชอบนั้นเป็นอาชีพของเราได้ด้วยวันนี้ผมได้ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความชอบของผม ที่ผมมีวันนี้ได้คงเป็นเพราะวัยเด็กของผมมันพัวพันกับความเป็นญี่ปุ่นโดยรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ผมพยายามนึกอยู่ตั้งนานก็นึกไม่ออกว่าหนังญี่ปุ่นหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มแรกที่เข้ามาสร้างความประทับใจให้ผมเป็นเรื่องอะไร ผมลังเลอยู่ระหว่างหุ่นยักษ์โรโบะที่มีเจ้าหนูคอยสั่งการด้วยนาฬิกาข้อมือ หรือเจ้าหนูไดโนเสาร์ที่นั่งร้องโห-รา โห-รา อยู่บนหัวของไดโนเสาร์ แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็ช่างเถอะ เพราะจากนั้นมาทั้งหุ่นอภินิหารโกลด้า ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน ไอ้มดแดงอาละวาด หน้ากากเสือ ยอดมนุษย์คอมพิวเตอร์ นินจาจอมคาถา บุสก้า กาโม่ หุ่นยนต์แซด เก็ตเตอร์ ก็ระดมโจมตีผมไม่เว้นแต่ละวัน
ผมร้องเพลงญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ผมไม่รู้จักภาษาญี่ปุ่น ก็ร้องมั่ว ๆ ไปตามที่ได้ยินตามประสาเด็กที่บ้าหนังการ์ตูนญี่ปุ่น แถมยังชวนเพื่อนอีกสองสามคนมาร้องเพลงไอ้มดแดง อัดใส่เทปคาสเซ็ทไว้ฟังอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอแถวบ้านผมยังมีโรงหนังที่ชอบฉายหนังสัตว์ประหลาดจากญี่ปุ่น ให้ผมได้รับรู้ความร้ายกาจอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นก๊อตซิลล่าที่คอยปะทะกับมังกรสามหัวบ้าง คิงคองบ้างหรือสัตว์ประหลาดจากนอกโลกอย่างจีแกนบ้าง แล้วก็ยังมีเต่ายักษ์กายสิทธิ์ (กาเมร่า) ที่เวลาจะบินก็หดหัวหดขา บินหมุนติ้ว คอยปกป้องโลกจากสัตว์ประหลาด (ประหลาดจริง ๆ ) อย่างกุ้งปังตอ (ขอย้ำ เมื่อก่อนเขาตั้งชื่ออย่างนี้จริง ๆ ครับ) อีกทั้งนินจาที่ดังที่สุดในยุคนั้นคือ ไอ้เงาแดง ที่ใส่หน้ากาก แล้วบินไปบินมาด้วยว่าว ทำให้ผมรู้จักโตเกียว โอซาก้า ภูเขาไฟฟูจี มาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าญี่ปุ่นอยู่ตรงไหนของโลก จนวันหนึ่งที่ผมต้องทำรายงานวิชาภูมิศาสตร์ในชั้นประถม ผมก็ไม่ลังเลที่จะทำเรื่องประเทศญี่ปุ่น ด้วยการไปขอข้อมูลจากสำนักข่าวสารญี่ปุ่นเล่นเอาเพื่อน ๆ และคุณครูฮือฮา เพราะสมัยก่อนเวลาจะทำรายงานเขาใช้วิธีไปซื้อรูปภาพที่พิมพ์ขายเป็นแผ่น โปสเตอร์มาตัดแปะกันทั้งนั้น
จากวันนั้นมา ผมกับญี่ปุ่นก็คุ้นกันโดยไม่เคยนึกมาก่อนว่า วันหนึ่งในอีกหลายปีให้หลังจะมาสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ ผมยังคงพัวพันกับญี่ปุ่นผ่านหนังสือการ์ตูนและหนังโทรทัศน์เช่นเดิมแต่ เรื่องราวเริ่มเปลี่ยนไป มีคนเป็น ๆ มารู้จักกับผมมากขึ้น คนที่ผมจำได้แม่นที่สุดก็คือ โมริตะ เคนซากุ พระเอกจากเรื่องเคนโด้ จนถึงตอนนี้ผมยังจำเพลงเคนโด้ได้ และยังร้องมั่ว ๆ ได้อยู่ล่ะครับ อีกคนที่ผมจำวีรกรรมได้ก็คือ นาโอย่า จากเรื่องยูโดสายดำที่มีท่าไม้ตายคือท่าทุ่มกลางอากาศ แล้วพัฒนามาเป็นท่าทุ่มสองชั้น และตอนหลังฝึกได้ท่ากงจัดนรก ที่ร้ายกาจมั่ก มั่ก เพราะเวลาฝึกต้องเอากระสอบสวมตัวไว้แล้วกลิ้งลงจากบันไดวัดหลายสิบขั้น แล้วก็ยังมีเรื่องยอดหญิงสิงห์วอลเลย์ที่นางเอก (ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว) มีลูกเสิร์ฟหัวจรวด เสิร์ฟทีไรไม่มีใครรับได้ หรือถึงรับได้ก็กระเด็นออกหมดและก็มีคู่ปรับสำคัญที่มีลูกตบจานบิน เวลาจะตบก็กระโดดขึ้นไปหมุนตัวอยู่นานแล้วตบลงมา ลูกหมุนติ้วอยู่กับพื้นเลย
ผมโตมากับเรื่องราวแบบนี้ อิทธิพลของโทรทัศน์และการ์ตูนญี่ปุ่น นัวเนียกับผมจนเรียนจบ และได้ทำงานที่แรกกับบริษัทที่มีชื่อเก๋ ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “นินจา” ซึ่งในสมัยนั้นต้องถือว่าเป็นบริษัทที่อินเทรนด์มั่ก มั่ก เพราะเป็นบริษัทที่จัดงาน EVENT งานเปิดตัวสินค้าและจัด CONCERT และก็บริษัทนินจานี่แหล่ะที่ทำให้ผมได้มีโอกาสไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกใน ชีวิต และแน่นอนว่าประเทศแรกที่ผมได้ไปสัมผัสก็คือ ประเทศญี่ปุ่น ผมทั้งดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ เพราะลำพังจะไปเองคงไม่มีปัญญา ผมต้องขอขอบคุณพี่นิน (ชนินทร์) และพี่ไก่ (เกรียงไกร) ที่ได้ให้โอกาสผมด้วยครับ และทริปนั้นทำให้ผมรู้จักโตเกียวมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นทัวร์ที่อยู่แต่ในโตเกียว ไปมาตามแหล่งวัยรุ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชิบูย่า ฮาราจูกุ รวมทั้งชินจูกุที่ตั้งของโรงแรม ก็เลยทะลุปรุโปร่งกันแถวนั้นเป็นพิเศษเพราะดึกดื่นตีหนึ่งตีสองยังเดินหาโซ บะกับราเมนทานอยู่เลย แล้วครั้งที่สองของทริปต่างประเทศผมก็ยังคงเป็นญี่ปุ่นอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้มีเจแปนแอร์ไลนส์เป็นสปอนเซอร์ครับ เพราะผมไปโชคดีได้ตั๋วฟรีมาจากงานบอโอโดริที่จุฬา แต่คราวนี้ก็สร้างความตื่นเต้นให้ผมมากกว่าคราวแรก เพราะคราวนี้ผมไปคนเดียวโดยมีอาจารย์บรรจงนักเรียนเก่ามหาวิทยาลัยโตเกียว จองห้องพักของมหาวิทยาลัยให้ จำได้ว่าคืนล่ะ 2000 ******* มีแต่ห้อง เตียง โต๊ะและตู้ ไม่มีห้องน้ำครับ ผมก็เลยใช้ชีวิตเยี่ยงนักศึกษาอยู่ 10 กว่าวัน สนุกมากเลยครับ เพราะต้องเปิดแผนที่เที่ยว นั่งรถไฟไปไหนมาไหนเอง กินข้าวเอง สั่งอาหารรู้เรื่องบ้าง มั่วบ้าง ก็ไปมาทั่วทุกย่านสำคัญ ๆ ของโตเกียว และก็รอบ ๆ โตเกียวเช่น คามากูระ ฮาโกเน่ นิกโก้ โยโกฮาม่า จนเงินหมดก็กลับ
และแล้วผมก็ได้โอกาสมายืนอยู่หน้าประตูของประเทศญี่ปุ่นด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่ของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ แผนกผู้โดยสาร ซึ่งเป็นอาชีพที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้มาทำ ผมรู้จักญี่ปุ่นมากขึ้น รู้จักเรื่องของญี่ปุ่นมากขึ้น รู้จักคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และรู้จักวิถีของญี่ปุ่นที่ถูกต้องมากขึ้น จนได้ลาออกมาทำงานกับบริษัททัวร์เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั่นแหละ ถึงทำให้ผมได้มีโอกาสไปประเทศต่าง ๆ นอกเหนือไปจากญี่ปุ่น ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแต่ละทวีป ในแต่ละประเทศและในแต่ละเมือง ตลอดสิบกว่าปี แต่ทุกปีผมก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปเยือนเพื่อนเก่าอย่างประเทศญี่ปุ่น แต่คราวนี้ผมไปญี่ปุ่นอย่างมีจุดหมายมากขึ้น ผมเปรียบเทียบญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆ หลายมุมมองทำให้ผมเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น และอีกหลายมุมที่ผมไม่เข้าใจญี่ปุ่นเอาเสียเลย แต่อย่างหนึ่งที่ผมได้รู้ก็คือ ผมทำทัวร์ญี่ปุ่นด้วยความชอบ และความสนใจมากกว่าประเทศอื่น ๆ
และเมื่อปีพ.ศ.2545 ผมและเพื่อน ๆ อีก 4 คนก็ได้ออกมาบุกเบิก บริษัทมิสเตอร์ ฮอลิเดย์ บริษัททัวร์ที่เราได้ทำอะไรที่อยากทำ รูปแบบการทำทัวร์ของผมก็เริ่มเปลี่ยนไปจากการทำทัวร์ตามมาตรฐานเดิม ๆ มาเป็นการทำทัวร์โดยสอดแทรกความชอบส่วนตัวลงไป ผมเป็นคนชอบอะไรที่สบาย ๆ ชอบหาของอร่อย ๆ ทาน ชอบนอนโรงแรมดี ๆ ก็เลยทำให้สิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในทัวร์ของมิสเตอร์ฮอลิเดย์ และโดยเฉพาะในเส้นทางญี่ปุ่นที่ผมชอบเป็นพิเศษ และมีหลากหลายประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป จึงทำให้ผมทำทัวร์ญี่ปุ่นได้ดีเป็นพิเศษ จนเริ่มมีลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนให้เราทำทัวร์ญี่ปุ่นมากขึ้น จนกระทั่งผมพบว่า เราสามารถทำทัวร์ญี่ปุ่นในมิติที่ต่างออกไปจากมาตรฐานเดิม ๆ ที่บริษัททัวร์ในเมืองไทยเคยทำ และสิ่งที่เราทำก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่มองหาความแตกต่าง
ผมก็เลยตัดสินใจเปิดบริษัท เจแพลนฮอลิเดย์ ขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รายการท่องเที่ยวของเจแพลน ก็เกิดจากวิธีคิดที่แตกต่าง วิธีการนำเสนอที่แตกต่าง ด้วยบุคลิกที่แตกต่าง จากมาตรฐานเดิม ๆ ของบริษัททัวร์ทั่ว ๆ ไปที่ผลิตรายการตามความคิดของเจ้าของหรือเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์หรือโปรโม ทเส้นทางตามการส่งเสริมของการท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ แต่เจแพลนผลิตรายการจากมุมมองของลูกค้า จากปัญหาของลูกค้า จากความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ใหญ่กับวัยรุ่น ก็ชอบในสิ่งที่แตกต่างกัน ครอบครัวพ่อแม่ลูก ก็แตกต่างจากครอบครัวใหม่ที่ยังไม่มีลูก ผมใช้มุมมองของผู้ใหญ่มาคิดรายการ “เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น” ผมใช้มุมมองของวัยรุ่นมาคิดรายการ “โตเกียวเทรนดี้” และผมใช้มุมมองของครอบครัวพ่อแม่ลูกมาคิดรายการ “เจแปนแฟมิลี่” จึงทำให้เรามีรายการที่แตกต่างกับคนอื่น แต่สอดคล้องกับวิถีของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพราะเราคำนึงถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับเช่น “รายการเจแปนแฟมิลี่” จะต้องบินตอนกลางวัน เพราะเด็ก ๆ จะไม่เหนื่อยและไม่ง่วง มีสวนสนุกเยอะมาก เด็ก ๆ จะได้สนุกมากขึ้น ออกจากโรงแรมสายหน่อยเพราะพ่อแม่ต้องใช้เวลาตอนเช้ากับลูกมากเป็นพิเศษและ ต้องไม่ย้ายโรงแรมบ่อย เพราะเก็บกระเป๋าแต่ละทีมีความยุ่งยาก หรือ “รายการเล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น” ก็จะไม่มีสวนสนุกเลย เพราะเน้นลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่หรือผู้ที่ชอบในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เน้นความหลากหลายของเมืองต่าง ๆในญี่ปุ่นทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคม ของญี่ปุ่นผ่านเมืองต่าง ๆ ที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงเวลาที่ต่างกัน ตลอด 4 ปีที่เราทำงานกันมาทำให้เราพบว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องทำ และมีอีกหลายอย่างที่เราต้องปรับปรุง ถ้าจะให้ผมเปรียบเปรย ผมอยากเปรียบบริษัททัวร์ทั่วไปเน้นร้านอาหารหรือภัตตาการที่ขายอาหารหลาก หลาย มีอาหารมากมายให้ลูกค้าได้เลือกทาน ส่วนจานไหนจะอร่อยอยู่ที่ลูกค้าตัดสินใจตามความชอบของแต่ละคน แต่เจแพลนเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขายก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียวไม่ขายอย่างอื่น เราจึงสามารถให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็น เส้น น้ำซุป หรือลูกชิ้นรวมทั้งเครื่องปรุงรสที่เหมาะสมกับก๋วยเตี๋ยวอย่างเช่น พริกป่นหรือพริกดอง เราเชื่อว่า คนชอบก๋วยเตี๋ยวจะไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่ไปร้านอาหารหรือ ภัตตาคาร และเราก็เชื่อว่าในอนาคต ถ้าคนคิดจะไปญี่ปุ่นจะต้องไปกับเจแพลน เพราะเจแพลนทำทัวร์ญี่ปุ่นด้วยความชอบ ทำทัวร์ญี่ปุ่นด้วยความชำนาญ และทำทัวร์ญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว
เที่ยวญี่ปุ่นกับคนรู้จริง เจแพลนฮอลิเดย์