เดือนเมษายน ค.ศ. 1944 เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับผู้นำประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงคราม หลายกรณี12 เมษายน รองประธานาธิบดี แฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S Truman) ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากประธานาธิบดี โรสเวลต์ ที่ถึงแก่อสัญกรรมในตำแหน่ง ส่วนผู้นำอิตาลี เบนิโต มุโสลินี ก็ถูกสังหารโดยขบวนการกู้ชาติอิตาลี ในวันที่ 28 เมษายน และถัดมาอีกเพียง 2 วัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมนี ก็ยิงตัวตายก่อนที่กรุงเบอร์ลินจะถูกเข้ายึด ซึ่งก็ตามมาด้วยการยอมแพ้ในสงครามในเวลาถัดมาไม่นานนัก กลับ มาทางฝั่งจักรวรรดิมหาอาทิตย์อุทัยที่ยังคงทำการสงครามอย่างต่อเนื่องแม้จะ เพลี่ยงพล้ำเสียพื้นที่ทางยุทธศาสตร์และชัยภูมิที่สำคัญๆไปมากแล้ว 19 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกายกพล 70,000 นายขึ้นบุกที่มั่นของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เกาะอิโวจิมะ (硫黄島)แล้วสามารถยึดได้ในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1945 แล้วในขณะที่สู้รบที่เกาะอิโวจิมะอยู่นั้น อเมริกาก็ได้เปิดยุทธการโจมตีทางอากาศที่กรุงโตเกียวอย่างหนัก โดยคราวนี้เป็นยุทธวิธีทิ้งระเบิดแบบปูพรม
เวลา 4ทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 9 มีนาคม ก่อนจะถึงวันที่ระลึกทหารบก 1 วัน สัญญาณกระจายเสียงตามคลื่นวิทยุในกรุงโตเกียวถูกตัด สัญญาณ เตือนภัยโจมตีทางอากาศดังขึ้นพร้อมกับการมาของเครื่องบินของสัมพันธมิตร แต่ก็เป็นการดังเตือนในระยะสั้นๆเมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านั้นบินผ่าน เลยน่านฟ้าของกรุงโตเกียวไป เหมือนกับว่าได้เสร็จสิ้นภารกิจแล้วกำลังจะเลยกลับฐานบินในที่ใดที่หนึ่ง คืนนี้คงเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ชาวโตเกียวจะได้หลับเต็มตาบ้าง แต่ทว่ายังไม่ทันที่ฝันดีจะเริ่มต้น ตอนนั้นเป็นนาทีที่ 7 ของวันที่ 10 มีนาคม ลูกระเบิดจากฝูงบินทิ้งระเบิดก็ตกกระทบพื้นระเบิดลั่นสนั่นที่เขตฟุกะกาวะ (深川地区)แล้วก็ตามติดมาด้วยระเบิดที่ตกแตกอีกหลายลูก ต่อมาไม่กี่อึดใจเขตโจโต (城東地区)ก็ถูกทิ้งระเบิดในยุทธวิธีแบบเดียวกัน แล้วเมื่อถึงเวลา 0:20 นาที โตเกียวในหลายๆเขตก็ถูกฝูงบินทิ้งระเบิดกระหน่ำโจมตี จนหลายต่อหลายพื้นที่ต้องกลายเป็นทะเลเพลิงสร้างความพินาศย่อยยับกับประชาชน ของจักรพรรดิ ในการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศวันที่ 10 มีนาคม ในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 83,793 คน บาดเจ็บ 40,918 คน ได้รับความเดือดร้อน 1,008,005 คน บ้านเรือนเสียหาย 268,358 ครัวเรือน จากความเสียหายเหล่านี้ ประเมินได้ว่ามีการใช้ระเบิดมากเป็น 2 เท่าของการโจมตีแบบทั่วไป 1 เมษายน กองกำลังร่วมสัมพันธมิตรประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศในเครือจักรภพ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวม 183,000 นาย ขึ้นบุกเกาะโอกินาวา ที่มีกองทหารแห่งจักรวรรดิประจำการอยู่ถึง 117,000 นาย เป็นการต่อสู้ที่นานต่อเนื่องถึง 82 วัน เป็นการสู้รบแบบผสมผสาน คือ มีการต่อสู้ทางอากาศ ทางทะเล และภาคพื้นดิน ในสมรภูมินี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นต้องสูญเสียทหารไปกว่า 100,000 นาย และมีประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโดนลูกหลง ฆ่าตัวตาย ได้รับบาดเจ็บทุพลภาพ และโดนข่มขืนอีกกว่า 100,000 คน ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะในสมรภูมินี้อย่างเด็ดขาดในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1945
11 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ได้ มีการประชุมของเหล่าผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมืองพอตสดัมในประเทศเยอรมนี ในที่ประชุมมีข้อสรุปให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข หรืออีกทางเลือกหนึ่งของญี่ปุ่นคือการทำลายสิ้นซากอย่างรวดเร็ว (The alternative for Japan is prompt and utter destruction)แต่ในที่สุดจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอในกรอบการประชุม เมืองพอตสดัม ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องใช้มาตรการการทำลายสิ้นซากอย่างรวดเร็ว
ก่อน หน้าที่จะมีการประชุมพอตสดัม ได้มีการกำหนดจุดทิ้งระเบิดปรมาณูไว้ 5 แห่ง ได้แก่ เกี่ยวโต นีกาตะ ฮิโรชิมะ โยโกฮามา และคลังอาวุธที่เมืองโคคุระ ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ คือ เป้าหมายเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่า 3 ไมล์และมีเมืองที่สำคัญ, เป้าหมายต้องเป็นพื้นที่ที่ระเบิดสามารถทำลายล้างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, เป้าหมายต้องไม่เคยถูกทำลายก่อนเดือนสิงหาคม 1945 และเป้าหมายต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีขนาดกว้างกว่ารัศมีการทำลายเพื่อป้องกัน ความเสี่ยงอันเกิดจากการทิ้งระเบิดที่ผิดพลาด
06.30 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-52 ชื่ออีโนล่า เกย์ (Enola Gay)พร้อมด้วย “หนูน้อย” (Little Boy)ระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกที่ใช้ในกิจการสงคราม โดย มี พอล ทิบเบ็ทส์ (Paul W. Tibbets, Jr.)เป็นกัปตันของชุดปฏิบัติการพร้อมกับลูกเรือประจำการอีก 11 นาย ได้ปรากฏเหนือน่านฟ้าของเมืองชิโกกุ โดยมีเป้าหมายของเที่ยวบินอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา
07.30 น. อีโนล่าเกย์ก็ปรับเพดานบินขึ้นที่ 8,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมื่อได้รับรายงานสภาพอากาศจากเครื่องบิน B-29 แล้วอีโนล่า เกย์จึงมุ่งเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย 08.09 น. ฝ่ายกรมข่าวสารชิโกกุกำลังเตรียมที่จะประกาศเตือนรับมือการทิ้งระเบิดแต่ ทว่าอีโนล่า เกย์ก็ถึงเป้าหมายเสียก่อน ที่ระดับเพดานบิน 9,632 เมตร อีโนล่า เกย์ทิ้งตัววัดความคาดเคลื่อนลงมา 3 ลูก เมื่อได้รับสัญญาณอ้างอิงจากตัววัดค่าแล้ว 08.12 น. อีโนล่า เกย์ก็เข้าสู่ความพร้อมที่จะปล่อยระเบิดปรมาณูเพื่อการสงครามลูกแรกของโลก 08.15 น. “หนูน้อย” ระเบิดปรมาณูแร่ยูเรเนียม-235 ก็ถูกปล่อยให้ร่วงลงตามแรงดึงดูดของโลกจากระดับความสูง 9,470 เมตร อีโนล่า เกย์เร่งเครื่องทะยานห่างออกไปจากจุดทิ้งระเบิดได้ 11.5 ไมล์ แล้ว”หนูน้อย”ก็แตกตัวระเบิดขึ้นที่ระดับ 580 เมตร กลางอากาศเหนือพื้นดินเมืองฮิโรชิมา คลาดเคลื่อนไปจากเป้าหมาย 240 เมตร ศูนย์กลางแรงระเบิดตรงกับตำแหน่งที่เป็นโรงพยาบาลชิมะ อำนาจทำลายของระเบิดแผ่ออกไปรอบรัศมี 1.6 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร ประชากร 80,000 คนเสียชีวิตทันที และอีกประมาณ 70,000 คนได้รับบาดเจ็บ กว่า 90%ของหมอและพยาบาลในเมืองฮิโรชิมาได้รับความเสียหายนี้ ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา แต่กระนั้นจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องตามข้อสรุปการประชุม เมืองพอตสดัม และยังดึงดันที่จะทำสงครามอยู่ หลังจากนั้นอีก 3 วัน เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-29 ชื่อบ็อคสการ์ (Bockscar) ได้รับมอบหมายให้ทิ้ง “หนุ่มอ้วน” (Fat Man)ระเบิดปรมาณูแบบแร่พลูโตเนียม-239 ที่คลังอาวุธเมืองโคคุระ แทนเครื่องบินทิ้งระเบิดชื่อเดอะ เกรท อาร์ทติสท์ (The Great Artiste)แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วด้วยสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จึงนำมาปล่อยลงที่เมืองนางาซากิแทน สร้างความเสียหายย่อยยับไม่น้อยไปกว่าที่เกิดขึ้นที่ฮิโรชิมาเท่าไหร่
ประกอบกับโซเวียตเปิดสงครามนอกประเทศกับญี่ปุ่นที่แมนจูเรียเป็นการกดดันญี่ปุ่น ญี่ปุ่น อยู่ในสภาพข้าตาจน จึงได้ประกาศยอมแพ้แบบไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 แล้วในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 จึงได้ลงนามในเอกสารยอมจำนนอย่างเป็นทางการ ที่เรือรบมิสซูรีของสหรัฐอเมริกา นับเป็นจุดสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากที่ตัดสินว่าผู้นำรัฐบาลของจัรวรรดิญี่ปุ่นเป็นอาชญากรสงคราม และได้ทำการปลดอาวุธ และในที่สุดก็ลิดรอนสิทธิทางการทหารหลากหลายประการ ท้ายสุดสหรัฐอเมริกาก็เข้ามาช่วยเยียวยาและฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของ ญี่ปุ่นช่วงหลังสงคราม และด้วยความวิริยะอุตสาหะของชาวญี่ปุ่นได้ผลักดันให้ญี่ปุ่นก้าวขึ้นยืนใน ฐานะผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกได้อีกครั้งอย่างสงบและปราศจากสงคราม